ความรู้ SAP



บทที่ 3 งาน SAP


          งาน SAP หลักๆ ในไทย จะมี 3 ด้านนะครับ (ถ้างานในต่างประเทศอาจจะมีแบ่งแยกย่อยมากกว่านี้อีก)
  1. Functional consultant/analyst - จะทำเกี่ยวกับการวิเคราะห์ ปรับปรุงแก้ไข (config) business processes ต่างๆ ซึ่งคนๆ หนึ่งมักจะเป็นผู้ชำนาญไปทางด้าน process ใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ อาทิเช่น Financial, Sales and Distribution, Material Management, Production planning, Plant Maintenance, etc. ซึ่งถ้าคุณจบมาหรือมีความรู้ในธุรกิจด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษก็จะทำให้ได้งานตรงนี้ได้ง่ายขึ้นหน่อย
  2. Developer/ABAP programmer - งานก็จะเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นwrite/read/debug, performance tuning, etc.  ซึ่งการเขียนภาษานี้ก็ไม่ได้ยากเย็นนักถ้าคุณเคยเขียนโปรแกรมภาษาอื่นๆ มาก่อนอยู่แล้ว แต่ส่วนที่ยากคือ business logic ซึ่งตรงนี้ตอนทำงานคุณก็ต้องทำงานร่วมกับคนที่ทำด้าน Functional ด้านบนอีกที
  3. Technical/Basis admin - ก็จะเหมือนคนคุมหรือดูแลระบบ infrastructure ต่างๆ เช่น Database, Network, Server, etc.  ต่างๆ  งานโดยทั่วไปก็จำพวก performance monitoring,data archiving, external device maintenance, database/network admin, security/access admin, etc.


    Top 5 ของโลก
    Accenture
    Price Water Cooper
    Boston Consulting Group
    Erns & Young

บทที่ 2 SAP Module

        SAP เป็นระบบขนาดใหญ่ที่ได้รวมเอาโซลูชั่นต่างๆ เข้ามารวมไว้ในระบบ โดยสามารถเขียนโปรแกรมให้ทำงานเฉพาะโซลูชั่นที่ต้องการได้ และหากมีหลายโซลูชั่นก็สามารถนำข้อมูลไปใช้ร่วมกันได้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม ปัจจุบันนี้โปรแกรมเมอร์มากมายต่างหันมาสนใจ SAP กันมากขึ้น โซลูชั่นที่ SAP รองรับนั้นมีมากมาย อาทิ ระบบไฟแนนซ์ ระบบบริหารงานบุคคล ระบบลูกค้าสัมพันธ์ ระบบบัญชี ระบบสินค้าคงคลัง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการนำไปประยุกต์ใช้กับระบบคนไข้ในโรงพยาบาลบางแห่ง โดยระบบงานต่างๆ ในแต่ละส่วนเหล่านี้เอง คือ ส่วนที่เรียกว่า "โมดูล"

          หากคุณจะเริ่มศึกษา SAP นั้นคุณจะต้องทราบก่อนว่าคุณจะศึกษาในส่วนใด และนำไปใช้กับงานลักษณะใด ซึ่ง SAP จะแบ่งระบบงานต่างๆ แยกย่อยเป็นโมดูล ซึ่งแต่ละโมดูลเป็นอิสระต่อกัน และสามารถนำเอาข้อมูลในแต่ละส่วนมาเชื่อมโยงกันได้




    1. Sales And Distribution (SD)      

        เป็นเรื่องของ Sale ทั้งหมด ตั้งแต่การับ Order ลูกค้าจนถึงส่งของให้ลูกค้า
    2. Material Management (MM)     

        เป็นเรื่องของการจัดการเกี่ยวกับ Raw Material ทั้งหมด
    3. Production Planning (PP)      

        เป็นเรื่องของ Schedule การผลิตหรือ วางแผนการผลิตว่าจะผลิตเท่าไหร่   เป็นส่วนของ MRP
    4. Quality Management (QM)      

        เป็นเรื่องของการตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบ และ Product ต่างๆ
    5. Plant Maintenance (PM)      

        เป็นเรื่องการ Manage เครื่องจักรหรือ Resource ต่างๆ
    6. Human Resource (HR)          

        เป็นเรื่องการจัดการกับคน รวมถึงเงินเดือน และสวัสดิการต่างๆ
    7. Financial Account (FI)         

        เป็นการทำบัญชีสำหรับคนภายนอก เช่น รายงานส่งสรรพากร
    8. Controlling (CO)         

        เป็นการทำบัญชีสำหรับภายใน เช่น รายงานสำหรับผู้บริหารที่ใช้ในการตัดสินใจ
    9. Asset Management (AM)     

        เป็นการบริหาร Fixed Asset ต่างๆ ได้แก่ เครื่องจักร รวมถึงการคิดค่าเสื่อมราคา
    10. Project System (PS)         

        เป็นการบริหาร Project จะเก็บข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับ Project และนำไปเชื่อมต่อกับ Module ต่างๆ
        เช่นเงินลงทุนจะไปเชื่อมกับ FI เป็นต้น
    11. Workflow (WF)         

        เป็นเรื่องของ Workflow ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่าง Auto เช่น ส่งคำสั่งผ่าน E-Mail 
    12. Industry Solution (IS)         

     เป็น Module เพิ่มเติมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละ Industry  



          ในส่วน Application ทั้งหมดของระบบ SAPนั้น ถูกพัฒนาขึ้นด้วยภาษา ABAP หรือ Advance Business Application Programming (ABAP/4 ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมในยุคที่ 4 หรือ 4GL เป็นคำที่เรียกใน SAP Release 3.0 ส่วนใน SAP Release 4.0 เป็นต้นไป จะเรียกว่า ABAP เนื่องจากมีการพัฒนาภาษาโปรแกรม ABAP เป็นแบบObject-Oriented มากขึ้น) ในส่วนของ Run Time หรือ Kernel ของระบบ SAP นั้นถูกพัฒนามาจากภาษา C/C++ ในส่วนของการ Implement ระบบ SAP นั้น จะมีการทำ Customization หรือ Configuration (จริงๆแล้วก็คือการกำหนดค่า Parameter ต่างๆ) ผ่านทาง Implementation Guide (IMG) เพื่อให้ระบบงาน SAP ทำงานได้กับองค์กรนั้นๆซึ่งก็คือ SAP เป็น ERP Software Package ที่มีการทำงานในส่วนของ Customization ในระบบ SAP ให้เข้ากับหน่วยงานนั้นๆได้

  • FI Financial Accounting หรือโมดูลทางด้านบัญชีการเงิน
  • CO Controlling หรือโมดูลทางด้านบัญชีจัดการหรือบัญชีบริหาร
  • AM Fixed Assets Management หรือโมดูลทางด้านการจัดกาสินทรัพย์ถาวร
  • SD Sale & Distributions หรือโมดูลทางด้านขายและการกระจายสินค้า
  • MM Material Management หรือโมดูลทางด้านการจัดการวัตถุดิบ
  • PP Production Planning หรือโมดูลทางด้านการวางแผนการผลิต
  • QM Quality Management หรือโมดูลทางด้านการจัดการด้านคุณภาพ
  • PM Plant Maintenance หรือโมดูลทางด้านการซ่อมบำรุงโรงงาน
  • HR Human Resource หรือโมดูลทางด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล
  • TR Treasury หรือโมดูลทางด้านการบริหารการเงิน
  • WF Workflow หรือโมดูลทางด้าน Flow ของกระบวนการทำงาน
  • IS Industry Solutions คือส่วนระบบงานธุรกิจเฉพาะ โดยที่ไม่ใช่โมดูลมาตร
  • Project Systems - PS
  • System Management - BASIS
  • Advanced Business Application Programming - ABAP
  • Business Information Warehousing - BIW
  • Customer Relationship Management - CRM
  • Advanced Planner Optimizer - APO
  • Product Lifecycle Management - PLM

โครงสร้างโดยรวมของ SAP โมดูล

          องค์ประกอบของ SAP (SAP R/3 Modules)






Application Module หลักๆในระบบ SAP



บุคคลที่เกี่ยวข้องในการทำ SAP


1.  SAP Application Analysts คือ ผู้ใช้งาน (End user) SAP ที่มีความรู้ทางด้านการซัพพอร์ต SAP Modules เช่น MM, PM, PP, FI/CO, SD, PS, HR, IS     
2.  SAP System Analysts คือ บุคคลที่พัฒนา module ต่างๆมาใช้งาน ได้แก่ ABAP ผู้เขียนและพัฒนาโปรแกรมเพื่อนำมาใช้งาน BATCH ผู้ควบคุมดูแล Job ในกระบวนการต่างๆ บน SAP        BASIS ผู้ดูแลระบบ SAP ให้ทำงานอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ    
3.  SAP Authorization & Profile Analyst คือ ผู้ที่ทำหน้าที่เหมือนกับตำรวจ ที่คอยดูแลหรือจัดลำดับความสำคัญของ user ที่จะเข้าใช้งาน SAP และคอยควบคุมกลไกการทำงานใน SAP 
4.  Data Admin Analyst คือผู้ที่มีความรู้ใน MM, SD module และเรื่องธุรกิจการขายทั้งหมด ตั้งแต่การจัดการกับ Materials จนถึงการรับ Order และส่งสินค้าถึงมือลูกค้า

บทที่ 1 รู้จัก SAP 

                    SAP (Systems, Applications and Products) เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางธุรกิจประเภท การบริหารทรัพยากรขององค์กร ของประเทศเยอรมนีที่ใช้ควบคุมดูแลทุกสายงานของบริษัท SAP เป็นโปรแกรมที่ช่วยจัดการสายงานทุกสายงานของธุรกิจให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ สามารถนำไปใช้ประกอบการดำเนินกิจกรรมของธุรกิจได้ และผู้บริหารสามารถเรียกดูข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลสถานะของบริษัทได้ความสามารถในการทำงานของ SAP

          SAP ได้ออกแบบมาให้รองรับการดำเนินงานของธุรกิจ หรือหน่วยงาน ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย ง่ายต่อการใช้งาน อาทิเช่น การจัดทำเหมืองข้อมูล การจัดทำคลังข้อมูล ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management: CRM) Integration Business Planning แล้วส่งต่อข้อมูลไปในระบบ ERP ซึ่งสามารถดูผลผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ การทำ Strategic Management, Balance Score Card การติดตามและประเมินผล การดำเนินงานตามตัวชี้วัด (KPI) การวิเคราะห์แนวโน้ม การวิเคราะห์สถานภาพปัจจุบัน อดีตและอนาคตขององค์กร

ประวัติของ SAP 

          SAP ก่อตั้งที่ประเทศเยอรมันนี เมื่อปี 1972 (พ.ศ. 2515) สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ Walldorf, Germany โดยการรวมตัวกันของอดีตพนักงานบริษัท IBM และเจริญเติบโตจนกลายเป็นบริษัท software ที่ใหญ่เป็นอันดับ5ของโลก มีบริษัทที่มีการใช้ SAP มากกว่า 6,000 บริษัท ใช้มากกว่า 50 ประเทศ ใช้มากกว่า 9,000 site มีส่วนแบ่งในตลาด client/server software กว่า 31% มีผู้ใช้เพิ่ม 50% ต่อปี มียอดขาย SAP R/3 เพิ่มขึ้น 70% ต่อปี เป้าหมายธุรกิจในเริ่มแรก เน้นลูกคาที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ (Enterprise-scale) แต่ในปัจจุบันได้ขยายธุรกิจไปที่ลูกค้าขนาดเล็กและขนาดกลาง

          SAP มีการสร้างระบบงานทางด้าน Financial Accounting ที่เป็นลักษณะ Real-time และ Integrate Software

          ในปีต่อๆมา SAP ได้มีการพัฒนาระบบงานเพิ่มทางด้าน Material Management, Purchasing, Inventory Management และ Inventory Management และ Invoice Verification

          ในปี 1997 ได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อบริษัทเป็น System, Anwendungen, Produkte in der Datenverarbeitung (System Applications, Products in data Processing) และได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่เมือง Walldorf จากนั้น SAPก็ได้พัฒนาระบบงานเพิ่มขึ้น เช่น Assets Accounting เป็นต้น

          ในปี 1978 SAP ได้เสนอระบบงานที่เป็น Enterprisewide Solution ที่ชื่อว่า SAP/R2 ซึ่งทำงานอยู่บนระบบ Mainframe พร้อมกับเพิ่มระบบงานทางด้าน Cost Accounting

          ในปี 1992 SAP ได้เสนอระบบงานที่ทำงานภายใต้ Environment ที่เป็น 3 Tier Clien/Server บนระบบ UNIX ที่ชื่อว่า SAP R/3

          ในปีพ.ศ. 2532 SAP ได้ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกที่ประเทศสิงคโปร์เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในเอเซียใต้และประเทศย่านแปซิฟก ต่อมาได้ขยายสาขาในภูมิภาคนี้ใน ออสเตรเลีย อินเดีย อินโดนิเซีย มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย

          กรกฎาคม พ.ศ. 2546 องค์การโทรศัพทแหงประเทศไทยได้เลือกใช้ mySAP Supplier Relationship Management (SRM) เพื่อมาชวยในการจัดซื้อจัดจ้าง และก่อให้เกิด Supplier network ขึ้นมาโดยหวังว่าในที่สุดจะทำให้มีการจัดซื้อจัดจ้างที่รวดเร็วขึ้นและลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจได้ซึ่งมีผลต่อ 10 บริษัทที่เป็นคู่ค้าขององค์การโทรศัพท์

          ลูกค้าที่สำคัญของ SAP ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกคือ TUV Rheinland, Singtel, Tata Group of Companies, Siam Cement, Telom Asia, PT Astra, San Miguel, Uniliver, FAW-Volkswagen, Sony Computer Entertainment, 7-Eleven Stores, General Motors, Novartis
ผลิตภณฑ์ของ SAP 

         ระบบ SAP ประกอบด้วย หลาย module ของแต่ละส่วนของการจัดการที่เอามารวมกันและทำงานร่วมกัน เนื่องด้วยตลาดและความต้องการของลูกค้าเป็นตัวกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของระบบ มีบริษัท software ที่พยายามสร้างโปรแกรมที่สนับสนุนแต่ละส่วนของธุรกิจ ในขณะที่ SAP พยายามสร้าง software ที่เหมาะสม กับทุกธุรกิจ SAP โดยให้โอกาสเลือกใช้แค่ระบบเดียวแต่สามารถทำงานได้กับทุกส่านของธุรกิจ ทั้งยังสามารถติดตั้ง R/3 application มากกว่า 1 ตัวเป็นการเพิ่มความเร็วในการทำงาน SAPมีหลาย Module มีหน้าที่ที่ต่างกัน แต่ทำงานร่วมกัน เป็นหนึ่งเดียว (แต่ละ Module คือแต่ละส่วนของธุรกิจ) ผลิตภัณฑ์SAPมี 2 กลุ่ม คือ
               1. SAP R/2 ใช้สำหรับเมนเฟรม
               2. SAP R/3 ใช้กับระบบ Client/server

          SAP เป็นบริษัทของ German แต่แยกการทำงานเป็น บริษัทย่อย, หุ้นส่วน, และ พันธมิตรทางธุรกิจทั่วโลก

ผลิตภณฑ์
        ผลิตภัณฑ์ของเอสเอพีเน้นไปที่ ERP ซึ่งบริษัทเป็นผู้บุกเบิก. ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทคือ SAP R/3 โดยตัว "R" หมายถึง "realtime data processing" (การประมวลผลข้อมูลแบบเวลาจริง) ส่วน "3" หมายถึง สถาปัตยกรรมโปรแกรมแบบ 3 ชั้น (three-tier) : ฐานข้อมูล, แอปพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ และ ไคลเอนต์(SAPgui). โดยผลิตภัณฑ์รุ่นก่อนหน้า SAP R/3 คือรุ่น R/2

Module SAP ที่เป็นที่รู้จักกันคือ

         1.SD (Sales and Distribution) เป็นโปรแกรมเกี่ยวกับการบันทึกการขาย และให้บริการ
         2.MM (Materials Management) เป็นโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมสินค้าคงคลัง การสั่งซื้อสินค้า
         3.FI (Financial Accounting) เป็นโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการบันทึกตัวเลขทางบัญชี การทำงบประมาณ รายงานทางการเงินต่างๆ
         4.CO (Controlling) เป็นโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับรายงานต่างๆในการดำเนินงาน ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์


          ตามรายงาน มีการติดตั้งเอสเอพีมากกว่า 91,500 ชุดในมากกว่า 28,000 บริษัท. คนมากกว่า 12 ล้านคนในมากกว่า 120 ประเทศ ใช้ผลิตภัณฑ์ของเอสเอพี

ประโยชน์ของการใช้ SAP
SAP คือระบบที่ และ เป็นโปรแกรมที่ช่วยจัดการงานทุกสายงานของธุรกิจ

ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และ ทำงานสัมพันธ์ซึ้งกันและกันเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ สามารถนำไปใช้ประกอบการดำเนินกิจกรรมของธุรกิจได้ มีระบบรักษาความปลอดภัยของฐาณข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้และผู้บริหารสามารถเรียกดูข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลสถานะของบริษัทได้
ทำไมบริษัทิต่างๆจึงเลือกใช้ SAP
1.SAP คือระบบที่ สามารถ รวบรวมระบบของการทำงานทางธุรกิจได้
2.SAP คือระบบที่ มีความจุของข้อมูล ที่ใหญ่
3.SAP คือระบบที่ มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และ ระบบการเงิน 
4.SAP คือระบบที่ ใช้ได้หลายภาษา เช่น อังกฤษ ไทย จีน เป็นต้น5.SAP คือระบบที่ ง่ายต่อการขยาย และ พัฒนาในอนาคต

ประโยชน์ของ SAP ต่อวงการธุรกิจ
1.SAP คือระบบที่ ที่ใช้งานได้ง่ายทั่วไป
2.SAP สามารถรวบรวมระบบและเก็บบันทึกการกระทำของข้อมูลที่เวลาจริง (Real Time system ) 
3.SAP คือระบบที่ ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลง และ ปรับปรุง
4.SAP คือระบบที่ ทำให้ขั้นตอนของธุรกิจ กระชับ และ รวดเร็วขึ้น
5.SAP คือระบบที่ สามารถเชื่อมต่อกับ Software อื่นๆได้เช่น ระบบ Barcode , RFID , Excel หรือ PLC เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น